HUAWEI FreeLace หูฟังที่รอคอย
ก่อนหน้านี้เป็นคนที่ไม่ชอบหูฟังบลูทูธที่มีสายคล้องคอเลยฮะ เลยไปนั่งเปิดเว็บไซต์หาหูฟังที่เป็นแบบทรูไวเลสกับพี่ที่ทำงาน จนไปเจอในเว็บระดมทุน Indiegogo แบรนด์ ERL ช่วงนั้นจัดโปรโมชั่น 3 อัน ในราคา 45$ ก็เลยสั่งกันมาใช้งาน สองปีได้ละที่ผม(ทน)ใช้งานมา จนวันนึงแบตมันไม่ใช้งานได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง เลยตัดสินใจจะหาหูฟังข้างกายซักอันนึง(แต่คนข้างใจยังไม่มี) ก็เลยตั้งสเปคไว้ว่า คราวนี้จะเอาเป็นแบบสายคล้องคอเพราะแบตมันจะอยู่ได้ยาวนานกว่าพวกทรูไวเลส แล้วก็เก็บง่ายตอนไปวิ่งเนื่องจากตอนออกไปวิ่งนั้นจะไม่พกเคสออกไปด้วยแน่นอนเพราะมันค่อนข้างใหญ่ ใช้เสร็จก็ใส่กระเป๋ากางเกง ควักเงินทีก็จะตกที เลยเป็นปัญหาที่ผมจะต้องซื้อหูฟังใหม่
HUAWEI FreeLace
เนี่ยแหละคือคำตอบ ด้วยราคา กับ ecosystem ของ Huawei ที่ผมใช้อยู่
หลักๆ เลย ใช้งานได้นานถึง 18 ชั่วโมง กรณีที่เปิดระดับเสียงที่ 50% (ผ่านการทดสอบจาก Huawei Lab) แต่แน่นอนผมไม่ได้คาดหวังตรงนั้นเอาเข้าจริงๆ เกิน 10 ชั่วโมง ผมก็โอเคแล้ว แถมหูฟังยังเป็นแม่เหล็กให้อีกด้วยเมื่อเราไม่ได้ใช้งานแล้วคล้องไว้ที่คอ หูฟังจะทำการตัดเชื่อมต่อบลูทูธให้เองอัตโนมัติ แต่ถ้าแยกตัวหูฟังออกจากกันเมื่อไหร่ระบบบลูทูธจะเริ่มทำการเชื่อมต่อให้เองด้วยเช่นกันและก็กดเล่นเพลงได้เลย
หลังจากเปิดกล่อง
จะพบกับหูฟังที่แพคใส่ลงมาในกล่องอย่างดี
Huawei FreeLace ถูกใส่มาในกล่องด้านบนเพียงลำพังเลยฮะ(คงจะเหงาน่าดู) ด้านล่างของกล่องจะมีให้ดึงขึ้นอีกชั้นนึงจะเป็นพวก คู่มือการใช้งาน อุปกรณ์ต่อชาร์จ แล้วก็แถมจุกยางปรับไซส์หูฟังแต่ละขนาดมาให้ด้วย แต่เหมือนมันจะมีอยู่คู่นึงที่มีรูๆ รอบตัวยางด้วยฮะไม่รู้แตกต่างกับตัวอื่นๆ ยังไง
หากเพื่อนๆ หลายคนที่ยังไม่เคยใช้งานหูฟังสไตล์บลูทูธมาก่อน ผมอยากจะบอกว่าบางครั้ง หรือบางสถานที่เนี่ยที่สัญญาณการใช้งานอาจจะมีหลุดหรือกระตุกบ้างเช่น รถไฟฟ้า BTS, MRT (ตอนนั้นใช้งานกับพวกทรูไวเลส) ก็ไม่ต้องเซงนะฮะ ซึ่งมันไม่ได้เป็นทุกครั้งที่ใช้งาน
ส่วนเพื่อนๆ คนไหนที่เคยสัมผัสหรือใช้งานหูฟังสไตล์บลูทูธมาก่อนแล้ว ถ้าจะย้ายจาก ทรูไวเลส หรือ ฟลูไซส์ หรือบลาๆ มาเป็นอินเอียแบบคล้องคอผมแนะนำตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกนะฮะ
Huawei FreeLace มากับ Port การเชื่อมต่อ Type-C
หลังๆ มานี้อะไรต่างๆ ที่เป็น Micro usb จะถูกเปลี่ยนผ่านมาเป็น Type-C ซะส่วนใหญ่เลยทำให้เวลาที่จะซื้อของอะไรพวกนี้ผมจะดูว่าเป็น Type-C หรือป่าว ส่วนตัวจะชอบซื้ออะไรเผื่อไว้ก่อน ดีกว่าอนาคตจะต้องมาซื้อใหม่เสียดายเงินนนนนน ถ้าเพื่อนๆ ใช้งานโทรศัพท์ที่เป็น Type-C อยู่แล้วละก็สามารถเสียบชาร์จจากโทรศัพท์ได้เลย ผมก็เลยยังไม่ได้แกะ
Huawei กับการเชื่อมต่อที่ง่ายมากกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว)
ปกติหูฟังบลูทูธจะต้องทำการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธช้ะ(เออมันก็ปกติ) แต่ทีเนี๊ยถ้าเพื่อนๆใช้โทรศัพท์ที่เป็น Huawei Smart Phone อยู่แล้ว แล้วเป็น Type-C ด้วยนะ เพื่อนๆ สามารถเอาตัวหูฟังมาเสียบกับโทรศัพท์ได้เลย ตัวระบบของ Huawei จะจับคู่ให้เองว่าเป็นหูฟังของ Huawei ตัวไหนแบบภาพด้านล่างเนี่ย
แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ใช้ Huawei Smart Phone อยู่ก็อาจจะต้องใช้การเชื่อมต่อแบบเดิมนะฮะ
กด Connect สิครับ รออัลไล
หลังจากกด Connect ไปแล้ว หน้าจอจะแสดงว่าเชื่อมต่อกับ Huawei FreeLace พร้อมทั้งบอกเปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่เจ้าตัว Huawei FreeLace ด้วยฮะ
แท่ง ทั้ง 2 ข้างมันทำอะไรได้บ้างเนี่ย
ขวา – จะเป็นตัวควบคุม เปิด-ปิด, เพิ่มเสียง-ลดเสียง และก็สามารถใช้งาน Siri, Google Assistant ได้ โดยการกดปุ่มตรงกลางระหว่างเพิ่มเสียง ลดเสียง ค้างไว้ 3 วิ
ซ้าย – ด้านนี้จะไม่มีปุ่มอะไรเลยฮะ คิดว่าน่าจะมีแค่แท่งแบตอยู่ข้างในฮะ
ตอนแรกนึกว่าสายคล้องคอจะทำให้รำคาญ
ตอนแรกเข้าใจแบบนั้นฮะ กลัวนั่น กลัวนี่ กลัวซื้อมาแล้วใช้งานไม่คุ้ม พอลองใช้งานจริงเท่านั้นแหละ แทบไม่มีอาการแพ้อะไรเลย ใส่คล้องคอไปไหนมาไหนได้ทั้งวันอะพูดเลออออ
ก็เลยลองเอาไปใส่วิ่งฮะ
บอกตรงๆ ใส่วิ่งตอนแรกนั้นรำคาญมาก เพราะสายมันกระเด้งๆ ตีที่หัวไหล่ แต่พอวิ่งไปได้ซักระยะเริ่มจับทางได้ละ คือปกติจะต้องวิ่งมองตรงไปข้างหน้า แต่วันที่ผมไปเทสนั้นผมดันวิ่งแล้วมองซ้ายขวา(มองสาว)เยอะไปหน่อย มันเลยทำให้สายตึงหนึ่งข้างแล้วให้เวลาที่วิ่งนั้นมันเด้งๆ ตีที่หัวไหล่
โทนเสียงเป็นยังไง ?
จากส่วนตัวที่ผมฟัง เบสค่อยข้างโอเคเลยนะกับราคานี้
ถึงแม้รีวิวจะสั้น แต่บอกเลยว่าคุ้มมากกกก
กับการเอาไปใช้งานในชีวิตประจำวัน