[Part1] เข้าพรรษานี้ที่เชียงใหม่
ผมเป็นคนที่ชอบเที่ยวตามจังหวัดที่ชอบมีกิจกรรมในวันสำคัญๆ ศาสนา เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะอยากรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจังหวัดนั้นๆ ว่าเดิมทีก่อนที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากอย่างมาก ณ ปัจจุบันนั้น แต่ก่อนผู้คนเขาทำอะไรกัน ส่วนตัวเชื่อว่า ยังมีคนเฒ่าคนแก่ คอยแบ่งปันขนบธรรมเนียนจากรุ่นสู่รุ่นอยู่
ด้วยความที่ทริปล่มจากกลุ่มเพื่อนๆ
ผมเลยตัดสินใจไว้ 2 จังหวัด นครพนมกับเชียงใหม่ เป็น 2 จังหวัดแรกๆ ที่เข้ามาในหัวผมตอนนั้นเลย ตอนแรกดูตั๋วที่ นครพนมแล้วนะ แต่เป็นคนที่ถ้าไม่เคยไปจังหวัดไหนกับเพื่อนๆ มาก่อนจะไม่กล้าไปคนเดียว เลยทำให้การตัดสินใจมาตกอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
ตอนแรกไม่รู้ว่าพี่ที่ทำงานก็มาเที่ยวกัน พอไปเห็นในไอจีอ้าว เจอกันแน่ๆ
เรานัดกันไปเจอที่ iBerry ร้านของพี่โน็ตอุดม พี่หนิงกับพี่ปอนด์ เพิ่งลงมาจากม่อนแจ่ม แกบอกแกแว้นกันไป เจอทั้งแดด ทั้งฝน หลังจากที่ทักทายกันเสร็จ ก็ไปกิน ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม ตอนแรกผมจะแง้นๆ สกูตเตอร์ไป แต่ระยะทางตั้ง 5 กิโลเมตร พี่หนิงเลยบอกให้ซ้อน 3 กันไป ระหว่างทางก็เจอทั้งแดด ทั้งฝน ก็จัดข้าวซอยไก่กันไป
จากนั้นลิสต์ที่พี่หนิงกับพี่ปอนด์แพลนเอาไว้ ก็จะไปจัดชานมไข่มุกร้าน Brown แถวๆ นิมมานเนี่ยแหละ
ก็โดนกันไปอีก คนละแก้วต้องขอบคุณพี่หนิงกับพี่ปอนด์ที่เลี้ยงทั้งข้าวซอยกับชานมมา ณ ที่นี้ด้วยฮะ พอกินชานมเสร็จก็แยกย้ายกัน ผมก็ออกมาหาร้านคาเฟ่ที่มีเบียร์นั่งกับเขียนบล็อกไปด้วย ก็ได้ร้าน ADDICT CAFE ฝั่งตรงข้ามกับ One Nimman
ในร้านมีทั้งกาแฟและเบียร์สิงห์ขวดเล็ก
ในร้านมีน้องนักเรียนมานั่งรอเวลาเพื่อที่จะรอเรียนพิเศษด้วย ผมเขียนมาถึงตรงนี้คนที่มาสอนนักเรียนคนนั้นก็เข้ามาพอดี
ผมสั้น น่ารัก (คิดในใจพร้อมกับยิ้ม)
ผมได้จัดเบียร์สิงห์ไปขวดนึง พร้อมกับนั่ง(แอบ)ฟังน้องผมสั้นคนนั้นมาสอนเด็ก น่ารักมาก อยากนั่งให้นานกว่านี้นะแต่ต้องกลับห้องซะก่อน
ก่อนที่ร้านเหล้าจะปิดในช่วงวันสำคัญของทางศาสนา
เปิดเฟสบุ๊คขึ้นมาจากนั้นไปที่ฟังก์ชั่น Near Friend ผมชอบดูว่าใครอยู่ใกล้ๆ ผมมั่งผมชอบทำแบบนี้บ่อยๆ เวลาไปมาไหนคนเดียว ทักแชทไปหาเพื่อน 2 คนนั้นอย่างไว
ไปท่าช้างกัน
คือวันนี้กะไปเมา ไปหิ้วสาวกลับมาแต่สุดท้ายได้แค่เมา สาวก็อด ในร้านนี้จะมีที่เป็น Singnature เลยก็จะเป็น “แสงสว่าง” จะเป็นเหล้าผสมกับน้ำหวานๆ จะเสริฟเป็นเหยือก ซึ่งผมกินไปแก้วนึง ส่วนตัวหลังๆ ผมไม่ได้ชอบเหล้าซักเท่าไหร่ จะเน้นไปทางเบียร์มากกว่าผมเลยรู้สึกว่าเฉยๆ
วันที่อังคารที่ 16 วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา
วันนี้ไม่มีอะไรมาก ในหัวคิดอย่างเดียวว่าจะต้องหาอาหารพื้นเมืองมากินให้ได้ ผมไปเดินอยู่เมืองอยู่พักนึง ถามชาวบ้านนะว่าจะหาอาหารพื้นเมืองกินที่ไหนได้มั่ง ชาวบ้านก็บอกว่าเนี่ยใกล้ๆ จะมีประตูเมืองเชียงใหม่พอเดินไปถึงร้านส่วนมากปิดหมดแล้วเพราะไปก็เกือบๆ บ่ายสองได้ แต่ความพยายามยังไม่จบ นั่งรถสองแถวไปตลาดวโรรส ตอนแรกไม่รู้ว่าตลาดวโรรสหรือกาดหลวงเนี่ยมีชั้นล่างที่เป็นพวกของกินด้วย เลยไปจัดน้ำเงี้ยวถ้วยนึงนั่งกินที่ร้าน เชื้อมั้ยมีตั้งแต่ 20.- ไปจนถึง 40.- บาท ตอนแรกนึกว่าไม่อร่อยเลยสั่งถ้วยเล็กมาก่อน ที่ไหนได้ต้องซื้อถุง 40.- กลับมากินที่ห้องพักอีกฮะ จากนั้งเดินออกมาเจอร้านขายอาหารของชาวไทใหญ่ก็จัดก๋วยเตี๋ยวมาอะไรไม่รู้ 30.- หิ้วกลับมากินที่ห้องอีก ใกล้ๆ จะออกจากตลาดแล้วหันไปเจอลุงที่ขายข้าวเงี้ยวก็โดนมาอีกห่อในราคา 15.- เดินเล่นอีกหน่อยก็โบกรถสองแถวกลับท่าแพ เพื่อที่จะมานอนเอาแรงซักหน่อย เพราะว่าตอนดึกจะออกมาเดินเล่น ดูว่าแต่ละวัดมีเวียนเทียนกันยังไงบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ ไปแค่วัดเดียว คือ วัดพันเตา
ผมยืนดูอยู่แปปนึงแล้วก็เดินออกมา กลับมาที่ประตูท่าแพ เพื่อหาเป้าหมายต่อไปว่าจะไปไหนดี
ได้ยินเสียงดนตรี พร้อมกับมีคนมุงดู
ไปยืนฟังอยู่แปปนึง ก็จัดแผ่น CD ที่พี่ๆ เขาอัดเสียงไว้กลับมา 1 แผ่นฮะอุดหนุนพี่ๆ เขาหน่อย
ความอยากที่จะหิ้วสาวกลับมาที่ห้อง ตั้งแต่คืนแรก
ปกติเวลาผมมาจะชอบพักที่ Hostel เลยแบบว่าจะหิ้วสาว กลับมานั้นค่อนข้างที่จะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ครั้งนี้ได้โอกาสตรงที่ผมเปิดเป็นโรงแรม แน่นอน เสริทหาเลยฮะ
เดี๋ยวมาต่อ Part2
1 thought on “[Part1] เข้าพรรษานี้ที่เชียงใหม่”
Comments are closed.